ภาพบรรยากาศงาน Pen Pal Day อาสาผู้ให้กำลังใจ ผ่านการตอบจดหมายน้อง รุ่นที่ 4 เมื่อวันเสาร์ ที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา มีอาสาเข้าร่วมกิจกรรมทั้งหมด 25 คน และตอบจดหมายน้องๆ นักเรียนทุนได้ทั้งหมด 307 ฉบับ
เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมตอบจดหมายแล้ว อาสาทุกคนก็ได้มาร่วมกันถอดบทเรียนของการทำงานอาสาในครั้งนี้ ทุกๆ คนรู้สึกประทับใจมากๆ และนอกจากมาให้กำลังใจน้องๆ แล้ว พี่ๆ อาสาก็ได้กำลังใจจากจดหมายของน้องๆ กลับไปด้วยเช่นกัน

บทสัมภาษณ์อาสาตอบจดหมาย รุ่นที่ 4
ที่มาบอกเล่าความรู้สึกดีๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากการทำงานอาสาในครั้งนี้

ณัฐปพน รัตนตรัย (ต้น)
นักจิตวิทยา สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต

สนใจอะไรในกิจกรรม Pen Pal Day
ได้เปิดเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับงานจิตอาสาครับ แล้วก็เจองานอาสาที่น่าจะตรงกับงานที่เราทำอยู่ เพราะเราสามารถใช้วิชาชีพของเราที่ทำอยู่ มาช่วยเหลือผู้อื่นได้ ก็เลยลองดูครับ

บอกเล่าความรู้สึกหลังจากเข้าร่วมกิจกรรมแล้วเป็นอย่างไรบ้าง
ก็รู้สึกดีใจครับ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมากกว่า เราได้เชื่อมโยงเด็กที่เขาได้รับโอกาส และเขาก็ได้ใช้โอกาสนั้นได้เป็นประโยชน์ เราเองก็มีความสุขที่ได้มาตอบจดหมาย

บอกเล่าความประทับใจที่มาเข้าร่วมกิจกรรม Pen Pal Day ในครั้งนี้
ประทับใจหลายฉบับเลยครับ แต่ที่ประทับใจเป็นพิเศษก็เป็นจดหมายของน้องที่เขาเล่าว่าเคยยากจนมาก่อน แล้วเขาก็เล่าว่ามูลนิธิฯ ได้ช่วยเหลือเขาและครอบครัวให้มีชีวิตที่ดีขึ้น แล้วเขาก็ตั้งใจเรียนได้เกรดมากขึ้น แล้วเขาก็ทำกิจกรรมไปแข่งขันศิลปหัตถกรรมด้วย ทำให้เรานึกถึงภาพเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมีทุกอย่างที่ดีขึ้น เราก็รู้สึกดีตามเขาไปด้วย

บอกเล่าความรู้สึกหลังจากอ่านจดหมายของน้องๆ หลายๆ ฉบับ
เราได้เรียนรู้ว่า “โอกาส” เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เราไม่ควรปล่อย “โอกาส” ให้เลยไป เพราะน้องๆ เขาก็ใช้ “โอกาส” ของเขาได้เป็นประโยชน์ ในส่วนของเราเองรู้สึกว่าได้ทำสิ่งดีๆ ได้อาหารใจให้กับตัวเอง และได้เติมอาหารใจให้กับคนอื่นๆ ด้วย เราได้ยืนยันความเป็นมนุษย์ว่าเรายังมีคุณค่าอยู่ด้วยครับ

ฝากถึงทุกๆ คนที่อยากจะเริ่มต้นงานอาสาเพื่อช่วยเหลือสังคม
ทำตามที่ตัวเองถนัด ที่ตัวเองสนใจ เพราะเราสามารถช่วยเหลือกันได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมในครั้งนี้ หรือว่ากิจกรรมอื่นๆ ในมูลนิธิยุวพัฒน์หรือกับที่อื่นๆ ก็ได้ อยากให้เริ่มต้นและลองดูครับ

สมปอง เทียนวันเพ็ญ (ปอง)
พยาบาลวิชาชีพ ดูแลงานผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยสูงอายุ

ทำไมถึงสนใจมาทำงานอาสาให้กำลังใจ ผ่านการตอบจดหมายน้องในครั้งนี้
เจอข่าวใน Facebook Page อ่านรายละเอียดแล้วน่าสนใจ เพราะโดยอาชีพของเราก็ทำงานอาสาอยู่แล้ว และก็เคยอาสาไปช่วยที่วัด ช่วยคนเจ็บป่วย พอมาเจองานอาสาตอบจดหมายช่วยเด็ก ซึ่งพวกเขากำลังจะเติบโตเป็นกำลังของชาติก็เลยลองสมัครดู เผื่อจะผ่านการคัดเลือก

ความรู้สึกแรกที่ได้เห็นข่าวประชาสัมพันธ์รับสมัครอาสาตอบจดหมาย
เป็นโครงการที่ดีนะ พอเราได้อ่านรายละเอียดมีความรู้สึกว่า…ดีนะ…แต่ดูสถานที่จัดกิจกรรมแล้ว ไกลเหลือเกินจากที่เราอยู่ (คุณปองอยู่จังหวัดราชบุรี) แต่ก็ขอลองสมัครดูก่อน ถ้ามูลนิธิฯ เลือกเรา แสดงว่าเรามีความสามารถ เพราะฉะนั้นเราต้องมา ตั้งใจไว้แบบนี้เลย พอวันที่ประกาศผลการคัดเลือกและเราได้รับอีเมล…พี่ดีใจมากรีบตอบกลับทันทีเลย

ระยะทางจากราชบุรีถึงกรุงเทพเป็นอุปสรรคในการตัดสินใจสมัครหรือเปล่า
เนื่องจากโครงการนี้เป็นงานที่เราได้ช่วยคนอื่น นอกเหนือจากคนเจ็บป่วย อย่างที่บอกเลยว่า..เด็กๆ เขาต้องเจริญเติบโตไปเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ ของประเทศเรา โครงการที่มูลนิธิฯ ทำ ก็เห็นความสำคัญตรงนี้อยู่แล้ว เราเองเป็นแค่ส่วนเล็กๆ ถึงจะอยู่ไกลกรุงเทพก็แค่เสียสละนั่งรถมาเอง ขอให้เราได้ช่วยถึงได้ไม่มากก็ตาม

ความรู้สึกที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมอาสา
ขอเล่าความรู้สึกตั้งแต่เจ้าหน้าที่โทรมาหาเลย แนะนำว่าเราต้องเดินทางยังไง และให้ความอนุเคราะห์ข้อมูลต่างๆ แนะนำการเตรียมตัว เช่น สถานที่จัดกิจกรรมอากาศจะเย็นนะ เตรียมเสื้อกันหนาวมาด้วย รู้สึกอุ่นใจถึงแม้จะมาไกลแต่เรามาถูกทางแล้ว ให้เรามาร่วมกิจกรรมกับคนดีๆ มีน้ำใจแบบนี้ค่ะ พอหลังทำกิจกรรมแล้วดีใจมาก มีความสุขมาก แล้วก็ถ้ามีโอกาสในครั้งถัดไปและเราผ่านอีก จะมาทันทีไม่รีรอเลย เพราะว่าเราได้ช่วยส่งกำลังใจให้น้องที่ฐานะของเขาไม่สมบูรณ์แบบแต่เขาโชคดีได้รับทุนแล้ว เราแค่ช่วยส่งเสริม เป็นกำลังใจให้เขา เพื่อให้เขาเจริญเติบโตไปในทางที่ถูก ที่ดีค่ะ

ความประทับใจอะไรบ้าง? ที่อ่านจดหมายของน้องๆ
อย่างแรกเราได้ใช้ความรู้ ความสามารถ เพราะเราเป็นพยาบาลเราก็เรียนด้านจิตวิทยามาอยู่แล้ว เราก็ได้ใช้สกิลจากการดูแลคนไข้มาดูแลเด็ก ซึ่งไม่ได้ป่วย แต่เขาอาจจะมีปัญหาทางครอบครัว ทางด้านการเงิน อะไรแบบนี้ เราก็ได้ใช้ความรู้ ความสามารถจากอาชีพของเราได้กว้างขึ้น ในอีกวัยนึง แล้วก็เป็นประโยชน์กับสังคมเพราะได้ทำงานร่วมกับยุวพัฒน์ แล้วก็ประทับใจเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ และน้องๆ จิตอาสาทุกคน ซึ่งตอนแรกเราไม่รู้เลยว่ามีอาชีพอะไรบ้าง มีอาสาที่เป็นดีไซเนอร์ บางคนมาจากทำเนียบรัฐบาล น้องๆ ต่างศาสนาที่ทำงานอยู่ธนาคารอิสลาม อีกหลากหลายอาชีพ น่ารักมากๆ ทุกคนมีจิตอาสาที่ดีอยากให้มูลนิธิฯ ให้ทุนกับเด็กๆ อีกเยอะๆ ถ้าพี่รวยๆ พี่จะมามอบทุนให้ด้วย

ฝากถึงคนที่อยากเริ่มต้นทำงานอาสาสมัคร
ถ้าเจองานอาสาสมัคร สมัครเถอะค่ะ อย่างน้อยถึงเราจะเป็นจุดเล็กๆ พอเราได้เริ่มต้นทำสิ่งดีๆ ก็อย่ากลัว เพราะตอนแรกพี่ก็ไม่มั่นใจ เพราะว่าเราอยู่ไกลและก็มีความลังเล แต่พอน้องมากระตุ้นว่า ลองสิพี่! พอตัดสินใจลองแล้วเราก็ได้มาทำ และรู้สึกว่า เราเป็นคนที่มีประโยชน์ ความรู้ความสามารถเราไม่ได้ถูกเก็บไว้ใช้แค่กับตัวเราเองหรือคนในครอบครัว เราได้กระจายไปสู่คนอื่นด้วยค่ะ ขอบคุณมูลนิธิยุวพัฒน์และน้องๆ เจ้าหน้าที่ทุกๆ คนที่ให้โอกาสดีๆ แบบนี้

พลอยนภัส เกณฑ์ธนพงษ์ (อุ้ม) อดีตนักเรียนทุน รุ่นที่ 1
Clear Count Area บริษัทโรงสีเอกไรท์

ความรู้สึกที่อยากเข้าร่วมกิจกรรมอาสาตอบจดหมาย
ด้วยความที่พื้นฐานเรา คือ เด็กขาดโอกาสมาก่อน เราคิดเสมอว่า เราได้โอกาสมาจากตรงนี้ สิ่งที่เรามีทุกวันนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากที่นี่ อะไรที่เราพอจะช่วยเหลือ เราพอที่จะคืนกลับให้สังคมได้ในวันที่เราพอมีแล้ว เราก็ควรจะทำ ก็เลยสมัครเข้าร่วมเป็นอาสาด้วย

หลังทำกิจกรรมอาสาตอบจดหมายแล้ว รู้สึกอย่างไรบ้าง
ก็โอเคนะ พอได้อ่านจดหมายน้องเราได้รับรู้ว่าเขาตั้งใจเขียนมาเล่าเรื่องของเขา และเราก็รู้ด้วยว่าจดหมายน้องๆ เข้ามาเยอะ เพราะนักเรียนทุนก็เพิ่มขึ้นทุกปี อุ้มก็เลยคิดว่า เราสามารถช่วยเหลือได้ก็อยากช่วย มีจดหมายฉบับหนึ่งน้องเป็นผู้ชาย เขียนว่าวันนี้ทำอะไร วันนี้ไปไหน อะไรแบบนี้ เราเข้าใจนะว่าเขาไม่ถนัดเขียน แต่ยังดีนะเขาเขียนมาเล่าเรื่องราวประจำวันของตัวเอง

ประทับใจจดหมายฉบับไหนเป็นพิเศษมั้ย
ยังไม่มีจดหมายฉบับไหนที่ประทับใจมาก แต่อ่านจดหมายทุกฉบับแล้วเรารับรู้ถึงเรื่องราวของน้องทุกคนที่เขาขาดโอกาสเหมือนกับเราในตอนนั้น เพราะเราก็เคยเป็นเด็กขาดโอกาสมาก่อน น้องเขาเขียนมาขอบคุณที่ให้ทุน ทำให้เขาได้เรียน เป็นเรื่องดีๆ นะ ที่ให้เขาเขียนจดหมายมาเล่า เป็นอีกทางหนึ่งที่ฝึกให้เขาได้รู้จักการเขียน การสื่อสารแบบนี้บ้าง เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีมันรวดเร็ว ถ้าเกิดว่าเขาไปเจอสิ่งที่ไม่ดี ก็อาจจะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป

ฝากถึงคนที่อยากเริ่มทำงานอาสา
การที่ทำงานจิตอาสานะคะ เราไม่จำเป็นต้องใช้เงินใช้แรงอะไรมากมายเลย เพียงแค่ดูสิ่งที่เราถนัดหรือสิ่งที่เราชอบ เราอยากทำ เราลองหาข้อมูลและปรึกษากับคนที่เขาจัดกิจกรรมดูนะคะว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง บางทีเราไม่สะดวกเดินทางไปปลูกป่า ทาสี ไปต่างจังหวัด ขึ้นเขา ขึ้นดอย เราก็เริ่มจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ  แค่เรามีจิตใจที่อยากจะช่วยคนอื่น เราก็เป็นจิตอาสาที่ดีได้ และเราก็ได้มาอยู่กับคนที่มีจิตอาสาเหมือนเรา เพราะทุกคนเสียสละเวลามาแล้ว ได้มาเจอเพื่อนๆ ที่มีทัศนคติเหมือนเรา ถึงแม้เราจะมาคนเดียวแต่พอได้มาอยู่รวมกัน อุ้มว่าก็ช่วยสังคมได้ส่วนหนึ่งแล้ว มาช่วยกันเติมสีสันให้สังคม ช่วยกันหยดสีเล็กๆ ของเราวันนี้ให้ค่อยๆ แผ่ขยายออกไป จากสังคมสีเทาหรือสีดำก็จะสดใสมากขึ้น อย่างอาสาตอบจดหมายอย่างน้อยๆ เราได้วางรากฐานที่ดีให้น้อง น้องๆ เขาก็ได้รับสิ่งดีๆ เชื่อว่าเขาจะต้องส่งต่อความรู้สึกดีๆ ความดีของเขาไปยังอีกคน ต่อกันไปเรื่อยๆ อุ้มเชื่อว่ามันจะเป็นอย่างนั้นค่ะ

มูลนิธิฯ ขอขอบคุณอาสาทุกๆ ท่านที่สละเวลามาร่วมกิจกรรมในครั้งนี้
และขอบคุณทุกๆ คำแนะนำที่เหล่าอาสาแนะนำมา
เพื่อช่วยให้มูลนิธิฯ นำไปพัฒนาและปรับปรุงแก้ไขในงานครั้งต่อๆ ไป