เราคงเคยรู้จักใครหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านการเรียน การทำงาน หรือการดำเนินชีวิตที่มีความสุข เชื่อว่าหลายๆ คน อยากจะมีวันที่ประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆ ในชีวิตเช่นเดียวกัน แต่เพราะความสำเร็จนั้นก็ไม่ได้มาง่ายๆ เราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนความคิดและอุปนิสัยบางอย่าง มาเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ที่มีอุปนิสัย 7 ประการ เพื่อพัฒนาตัวเองไปสู่ความสำเร็จกันดีกว่า

อุปนิสัยที่ 1 เปลี่ยนตัวเอง “คิดเชิงรุก” หรือ Proactive

การริเริ่มคิดทำสิ่งใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน เปลี่ยนความคิดของตัวเองเพื่อให้เราพัฒนามากขึ้น เป็นผู้ที่ตัดสินใจเลือกด้วยตัวเองและพร้อมจะรับผิดชอบกับผลลัพธ์จากการเลือกนั้น ส่วนคนที่มักจะเชื่อว่าชีวิตได้ถูกกำหนดมาแล้ว เราเปลี่ยนแปลงหรือทำให้ดีขึ้นไม่ได้ ปล่อยให้อารมณ์ ความรู้สึกเป็นตัวควบคุมชีวิต ชอบตำหนิหรือโทษคนอื่น เราจะเรียกอุปนิสัยนี้ว่า Reactive

อยากเปลี่ยนตัวเองให้เป็น Proactive เริ่มต้นง่ายๆ จากการเปลี่ยนคำพูดของเรา

ฝึกการเป็น Proactive ด้วยตนเอง

  • สังเกตว่าในแต่ละคำพูดของเราส่วนใหญ่เป็นแบบไหนและพยายามเปลี่ยนคำพูดให้เป็นแบบ Proactive
  • นำปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่มาคิดหาวิธีการแก้ไข ในความเชื่อที่ว่า “มีหนทางตั้งมากมายที่ฉันจะสามารถแก้ไขปัญหานี้” แล้วจดบันทึกวิธีการต่างๆ ที่ใช้แก้ไขไว้

อุปนิสัยที่ 2 เริ่มต้นด้วยจุดหมายในใจ

เป็นการกำหนดเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่เราอยากให้เกิดขึ้นในอนาคต โดยที่เราต้องเข้าใจเป้าหมายนั้นอย่างชัดเจน ต้องรู้ความต้องการของตัวเอง ต้องรู้ว่าเราจะต้องทำอะไร เพื่อจะได้เข้าใจในสิ่งที่เราทำตอนนี้จะพาเราไปสู่เป้าหมายได้หรือไม่ เพื่อให้เราไปได้ถูกทิศทาง

วิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจ เพื่อให้ไปเราสู่จุดหมายอย่างถูกทิศทาง คือ การกำหนดปณิธานของเราเอง เช่น “ฉันจะพัฒนาความสามารถที่ดีๆ เพิ่มขึ้นปีละหนึ่งอย่าง” “ฉันจะมองโลกในด้านบวก” “ฉันจะมีวินัยในการอ่านหนังสือ” “ฉันจะใช้ความรู้ความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อให้การเรียนของฉันดีขึ้น” และให้ยึดคำปณิธานเป็นสัญญาของตนเองเอาไว้

ฝึกเริ่มต้นด้วยจุดมุ่งหมายในใจตัวเอง

  • จัดตารางเวลาในการทำกิจวัติประจำวัน เพื่อหาเวลาว่างทบทวนเป้าหมายสูงสุดที่เราอยากให้เกิดขึ้นในชีวิต แล้วลองเขียนคำปณิธานให้ตัวเอง พร้อมขั้นตอนต่างๆ ที่จะนำไปสู่เป้าหมาย

อุปนิสัยที่ 3 ทำสิ่งที่สำคัญก่อน

สามารถนำไปใช้ได้ในการวางแผนทั้งการเรียนและทำงาน และสิ่งที่สำคัญ คือ สิ่งสำคัญนี้จะพาเราไปสู่คำปณิธานในอุปนิสัยที่ 2 ได้สำเร็จ ในทุกๆ วันที่เราต้องปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เราจะพบกับสถานการณ์ที่สามารถแบ่งได้เป็น 4 ลักษณะ คือ

จากตารางนี้ สถานการณ์ที่ 3 และ 4 เป็นสิ่งที่มีความสำคัญน้อยที่สุด แต่หลายๆ คน มักจะให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก ส่วนสถานการณ์ที่ 2 ถือเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก เพราะเมื่อเราทำได้ดีจะส่งผลกระทบในทางบวกกับเราเป็นอย่างมาก และทำให้เราหลงลืมคิดว่าไม่ใช่สิ่งสำคัญเพราะว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้เราสามารถทำเรื่องสำคัญแต่ไม่เร่งด่วนได้ คือ การจัดตารางเวลาประจำสัปดาห์ เราจะทำอะไรก่อน – หลัง เพื่อบอกให้เรารู้ว่าทั้งสัปดาห์ที่อะไรบ้างที่ต้องทำ

ฝึกทำสิ่งที่สำคัญก่อนด้วยตัวเอง

  • จัดตารางเวลาภายใน 1 สัปดาห์ และสัญญากับตัวเองว่าจะทำตามตารางเวลาที่จัดไว้
  • เมื่อสิ้นสุดสัปดาห์ลองประเมินว่าเราทำตามตารางเวลาได้ดีแค่ไหน มีอะไรที่ควรปรับปรุง และเราเข้มงวดกับตัวเองได้มากน้อยเพียงใด

อุปนิสัยที่ 4 คิดแบบชนะ – ชนะ (WIN WIN)

จากที่กล่าวมาข้างต้น 3 อุปนิสัยแรกนั้นจะเป็นเรื่องการพัฒนาตัวเองทั้งหมด ค้นหาว่าเรามีลักษณะ Proactive หรือไม่ เรามีเป้าหมายสูงสุดอย่างไร จะต้องทำอะไรก่อน – หลัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เราควบคุมตัวเองให้ไปในทิศทางที่ต้องการได้มากน้อยเพียงใด แต่ชีวิตของเราต้องไปปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ด้วย ดังนั้นอุปนิสัยที่ 4 – 6 จึงเกี่ยวข้องกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคลอื่นๆ นั่นเอง

การคิดแบบ ชนะ – ชนะ คือ การเปลี่ยนความคิดที่จะเอาชนะฝ่ายเดียว มาเป็นความคิดให้เขาและเราไม่มีใครแพ้ เรามีทางเลือกเสมอและความสัมพันธ์ที่ทุกฝ่ายควรจะได้รับอย่างดีที่สุด คุณลักษณะของคนที่มีแนวคิดแบบ ชนะ – ชนะ คือ ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น มีน้ำใจ ใจกว้างและมีวุฒิภาวะ

ฝึกคิดแบบ ชนะ – ชนะ

  • นึกถึงสถานการณ์ที่เราเคยขัดแย้งกับเพื่อนหรือคนใกล้ตัวพยายามเอาใจเขามาใส่ใจเรา แล้วลองเขียนวิธีจะทำทั้งเราและเขาชนะทั้ง 2 ฝ่าย ผู้ที่ประสบความสำเร็จนอกจากจะปรับเปลี่ยนตัวเองแล้วต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น

อุปนิสัยที่ 5 เข้าใจผู้อื่นก่อนแล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา

หลักการสำคัญ คือ การฟังอย่างเข้าใจ เมื่อมีใครพูดหรือทำอะไรให้เรารู้สึกไม่ดี เราไม่ควรจะตอบโต้ออกไปในทันที แต่ควรจะฟังเขาอย่างตั้งใจ เพื่อให้ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่า เพราะอะไรเขาจึงพูดและทำแบบนั้น ถ้าเราไม่รับฟังผู้อื่นก่อน สิ่งที่จะตามมาคือความขัดแย้ง แต่การฟังอย่างเข้าใจจะส่งผลดีอย่างมาก เพราะจะช่วยให้เรารับรู้ข้อมูลที่ถูกต้อง

อ่านบทสนทนาด้านล่างนี้ แล้วถามตัวเองว่าเราชอบบทสนทนาแบบไหนมากกว่ากัน

แบบ A
“นี่เธอ…ไหนบอกว่าจะรอส่งการบ้านพร้อมทำไมไม่รอละ”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ โกรธอะไรมา เราแค่มานั่งรอเธอที่นี่ ยังไม่ได้ส่งจ้ะ

แบบ B
“นี่เธอ…ไหนบอกว่าจะรอส่งการบ้านพร้อมกันทำไมไม่รอล่ะ”
“มาถึงก็โวยวายเสียงดังเลยนะ ยังไม่ทันจะรู้เรื่องรู้ราวอะไรก็โวยวายซะแล้ว”

ฝึกเข้าใจผู้อื่นก่อนแล้วจึงให้ผู้อื่นเข้าใจเรา

ครั้งต่อไปหากเรากำลังจะพูดไม่เหมาะสมกับคนอื่น ให้ลองเปลี่ยนคำพูดใหม่ เพื่อให้เราเข้าใจเขามากขึ้น แล้วลองเปรียบเทียบว่าเรารู้สึกอย่างไรกับคำพูดแบบใหม่ของเรา

อุปนิสัยที่ 6 ผนึกพลังประสานความต่าง

อุปนิสัยนี้เน้นเรื่องของการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยต้องอาศัยแนวการคิดแบบ ชนะ – ชนะ และการเข้าใจผู้อื่นเข้ามาประกอบ ดังนั้นคนที่สามารถทำงานเป็นทีมหรือทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี คือ คนที่นำความสามารถของคนอื่นออกมาใช้ได้อย่างเหมาะสมและเหมาะกับสถานการณ์ และสามารถผสมผสานความสามารถของแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันให้เข้ามาเอื้อต่อผลสำเร็จตามเป้าหมาย เช่น แบ่งทีมทำโปรเจคสำคัญ การที่จะทำให้โปรเจคประสบความสำเร็จและเป็นที่พึงพอใจ สมาชิกในทีมนั้นจะต้องมีหัวหน้าทีมและทุกคนในกลุ่มจะต้อง

  • สามารถสื่อสารให้สมาชิกในทีมเข้าใจตรงกันได้และเห็นภาพเป้าหมายอย่างชัดเจนถูกต้องตรงกันเพื่อที่จะได้ช่วยกันหาวิธีการที่จะทำให้งานประสบความสำเร็จ
  • สามารถประสานและร่วมมือกัน ผู้นำทีมจะต้องมองเห็นจุดเด่นของสมาชิกทุกคน และสามารถดึงเอาจุดเด่นของแต่ละคนเข้ามาประสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดี

ฝึกผนึกพลังประสานความต่าง

  • หากต้องทำงานเป็นทีมให้พิจารณาจุดเด่นของสมาชิกในทีมและนำจุดเด่นของแต่ละคนมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

อุปนิสัย 7 ลับเลื่อยให้คมอยู่เสมอ

การประสบความสำเร็จเป็นเรื่องของการหมั่นพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ถ้าเราต้องการที่จะประสบความสำเร็จ เราไม่ควรจะหยุดกับที่ การที่เราคิดว่าเราเก่งแล้ว ไม่ต้องพัฒนาอะไรอีก ถือเป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างมากสำหรับการพัฒนาตนเอง ดังนั้นอุปนิสัยที่ 7 นี้จึงเป็นอุปนิสัยที่เราจะต้องฝึกให้ติดตัวอยู่ตลอด

4 ด้านที่จะต้องหมั่นลับคมเลื่อยเพื่อให้เราประสบความสำเร็จ
  • ด้ายกายภาพ คือ ความสมบูรณ์ทางด้านร่างกาย การที่เราจะเรียนหนังสือหรือทำงานได้ดี เราต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรง การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทานอาหารที่เป็นประโยชน์ ผักผ่อนให้เพียงพอและรู้จักที่จะขจัดเครียดที่เกิดขึ้น
  • ด้านสติปัญญา คือ ความรู้และทักษะต่างๆ ที่ทำให้เป็นคนที่ดีขึ้น เก่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ เพื่อพัฒนาความรู้ต่างๆ
  • ด้านจิตใจ คือ การพัฒนาจิตใจของเราให้มีทัศคติที่ดี มองโลกในแง่ดี เข้าใจผู้อื่น และสร้างความสงบให้กับจิตใจของเรา เช่น การอ่านหนังสือเพื่อสร้างพลังใจหรือการนั่งสมาธิเพื่อทำให้จิตใจสงบ
  • ด้านความสัมพันธ์ คือ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลอื่น มีน้ำใจ รู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือกันและกัน และพยายามรักษามิตรภาพความสัมพันธ์ที่ดีนั้นไว้

ฝึกลับเลื่อยให้คมอยู่เสมอ

  • เขียนแผนลับเลื่อยให้คมอยู่เสมอ ทั้ง 4 มิติ คือด้ายกายภาพ สติปัญญา จิตใจ และความสัมพันธ์ ลงมือทำตามแผนและประเมินผลว่าทำได้ดีเพียงใด และมีสิ่งใดในตัวเราที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง

เราไม่จำเป็นต้องทำทีเดียวทั้ง 7 ข้อ แต่ขอให้เริ่มปรับเปลี่ยนทีละอย่าง ค่อยๆ พัฒนาตัวเองไปอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญ คือ การได้ทบทวนกับตัวเองอยู่เสมอ ในแต่ละวัน แต่ละเดือน แต่ละปีนั้น เรามีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างไร เพื่อใช้เป็นแนวทางและเป็นกำลังใจให้เราได้พัฒนาตัวเองต่อไปอีกเรื่อยๆ

ข้อมูลจาก : หนังสือ 7 อุปนิสัยพัฒนาสู่ผู้มีประสิทธิผลสูง https://prakal.wordpress.com
ภาพประกอบ : https://www.pinterest.com/