โจทย์ใหญ่ของประเทศไทยที่ท้าทายคือ “ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา” เพราะยังมีกลุ่มประชากรกว่า 3 ล้านคนที่เป็นเด็กนักเรียนยากจนหรือขาดโอกาสทางการศึกษา เด็กนับแสนคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาเพราะไม่มีทุนทรัพย์ จึงต้องออกจากโรงเรียนเพื่อมาทำงานเลี้ยงชีพและครอบครัว

ก่อนหน้านี้ช่วงที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก ยิ่งส่งผลให้ชีวิตของเด็กเหล่านี้ลำบากมากขึ้น หลายคนเสี่ยงที่จะหลุดออกจากระบบการศึกษา เพราะรายได้ครัวเรือนลดลง ภาวะพึ่งพิงในครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้น ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาจึงซ้ำซ้อนมากขึ้นตามไปด้วย

หาก “เด็กคืออนาคตของชาติ” หมายความว่าเราทุกคนจำเป็นต้องช่วยสร้างรากฐานที่ดีให้กับพวกเขา ด้วยการหยิบยื่นโอกาสทางการศึกษา หนึ่งในนั้นคือ “ทุนการศึกษา” ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญสำหรับโจทย์เรื่องการศึกษา แต่เป้าหมายที่ไปไกลมากกว่านั้น คือการมอบหลักประกันโอกาสให้เด็กแต่ละคนได้มีชีวิตที่ดี คือการมอบโอกาสให้พวกเขาได้ค้นศักยภาพของตัวเอง ได้รับการขัดเกลาจิตใจด้านจริธรรม เพื่อให้เติบโตไปเป็นคนที่มีคุณภาพ มีอนาคตที่สดใส ที่สำคัญเป็นแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาประเทศต่อไป

ก่อนหน้านี้ไม่กี่ปี “อัสมา ทองคำ” อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ต้องแบกรับความรับผิดชอบทางบ้านจนเกือบจะหลุดออกจากระบบการศึกษาไปกลางคัน และความฝันในการใช้ชีวิตและการวาดรูปของเธอถูกพับเก็บไว้ใส่กระเป๋า แต่หลังจากที่อัสมาได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิยุวพัฒน์ ภาระค่าใช้จ่ายหลายๆ อย่างได้ถูกแบ่งเบาออกจากบ่าของเธอ และสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาก็ได้ช่วยส่งเสริมความมั่นใจและความเป็นตัวของตัวเอง ณ วันนี้ อัสมาได้กำกับบทบาทชีวิตที่ตัวเองต้องการได้อย่างอิสระแล้ว และมั่นใจเรื่องหนึ่งว่าเราจะไปให้ไกลกว่านี้…

เงินทุนการศึกษาเป็นทุกอย่างในชีวิตที่ช่วยต่อลมหายใจได้

 “ได้รับทุนจากมูลนิธิยุวพัฒน์ตั้งแต่ ม.ต้น จนเรียนจบ ปวช. ครูเป็นผู้ช่วยหาทุนให้ ในตอนนั้นแม่ก็เสียชีวิต ต้องอยู่กับพ่อ 2 คน ที่บ้านเรามีภาระค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ เลยคิดว่าจะไม่เรียนต่อแล้ว โชคดีที่วันนั้นได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิยุวพัฒน์ ตอนนั้นดีใจมากๆ โล่งใจที่จะมีเงินมาสนับสนุนเรื่องการเรียนแล้ว มีกำลังใจมากขึ้น เพราะว่าเราก็อยากเรียนให้จบ จะได้มีอาชีพที่มั่นคง มีเงินเลี้ยงตัวเองและครอบครัว สำหรับเงินทุนการศึกษาที่ได้มาไม่ได้ช่วยแค่เรื่องเรียนเท่านั้น แต่ยังช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้านด้วย ไม่ว่าจะเป็นค่ากับข้าว ฯลฯ เรียกว่าเงินทุนการศึกษาเป็นทุกอย่างในชีวิตที่ช่วยต่อลมหายใจได้ มาถึงวันนี้ชีวิตได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็เพราะทุนการศึกษาและการดูแลเอาใจใส่ของพี่ๆ ทีมทุนการศึกษามูลนิธิยุวพัฒน์ในวันนั้น พี่ๆ ทั้งติดตามโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบ ช่วยให้คำแนะนำต่างๆ ทั้งการเรียนและการใช้ชีวิต”

เส้นทางการได้รับทุนการศึกษาของอัสมามี “คุณครู” เป็นหัวใจสำคัญในการช่วยเหลือ ช่วยมองหาทุนการศึกษาให้กับเด็กที่โรงเรียน ทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจที่จับต้องได้ว่า โอกาสต่อยอดจากการศึกษา และการได้รับทุนการศึกษานั้นสามารถปลดข้อจำกัดหลายอย่างในชีวิตได้

“หลังจากเรียนจบ ปวช. ก็ได้เรียนต่อ ปวส. เราเอาเงินที่เก็บสะสมจากตอนเรียน ปวช. มาจ่ายเป็นค่าเทอม ตอนนั้นรู้สึกเคว้งคว้างและสับสนเรื่องสายการเรียน รู้สึกท้อ เคยคิดว่าจะไม่ได้เรียนต่อแล้ว แต่ครูที่ปรึกษาบอกว่าเกรดเฉลี่ยดี ก็เลยช่วยทำให้ได้เข้าโครงการขอทุนไปเรียนที่จีนเป็นเวลา 3 เดือน แต่ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้ต้องกลับมาก่อนกำหนด”

แทนที่ความไม่แน่ใจกับอนาคตจะทำให้เด็กผู้หญิงคนหนึ่งถอดใจ อัสมากลับเป็นตรงข้าม เธอเอาความไม่พร้อมมาเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตั้งใจเรียนยิ่งขึ้นไปอีก ณ วันนี้ อัสมาอยู่ในบทบาทที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีรอยยิ้มที่อิสระ สร้างโอกาสให้ตัวเองได้มากขึ้น ผ่านภาระที่ถูกแบ่งปันไปแล้วบ้างจากการได้รับทุนการศึกษา และแน่นอนเธอจะมีโอกาสได้ทำตามความฝันนั่นคือ “การวาดรูป” แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ไม่ได้ง่ายเลย…

“หลังจากเรียนจบ ปวส. ต้องเรียนต่อปริญญาตรี ตอนนั้นรู้ว่าค่าเทอมแพงมากๆ เป็นกังวลเลยคิดว่าจะไม่เรียนต่อ แต่ก็ลองไปปรึกษาครู จึงได้คำแนะนำว่าให้เรียนไปด้วยทำงานไปด้วยที่บริษัทสตาร์ทอัพแห่งหนึ่ง บริษัทจะหักเงินเดือนไปเป็นค่าเทอม ส่วนตอนนี้เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ก็ยังทำงานอยู่บริษัทสตาร์ทอัพแห่งนี้และมีเงินเดือนด้วย”

เป้าหมายของอัสมา นอกจากการมีอาชีพที่มั่นคง เธอพยายามมองหาโอกาสเพื่อต่อยอดความฝันของตัวเองเสมอผ่านคำสอนของพ่อที่พร่ำบอกตลอดว่า “เมื่อมีโอกาสเข้ามาให้คว้าเอาไว้ แล้วทำให้เต็มที่”

“หนูชอบวาดรูปมาก อยากเอาทักษะที่มีต่อยอดความฝันสูงสุด ด้วยการทำงานกับบริษัทพัฒนาเกม เลยคิดว่าจะต้องวางรากฐานการทำงานของตัวเองให้ดี มีเงินเดือนที่สูงขึ้น จะได้มีเงินซื้ออุปกรณ์เพื่อพัฒนาทักษะการวาดรูป ตอนนี้ก็มีรับงานวาดรูปเข้ามาเล็กๆ น้อยๆ”

จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่เคยลืมโอกาสที่ได้รับ และยังต้องการจะส่งต่อโอกาสให้กับนักเรียนทุนรุ่นต่อไป เพื่อให้ต้นไม้เล็กๆ ออกดอกออกผลสวยงามเช่นเดียวกับเธอ…

“หนูคิดไว้เสมอมาจะต้องตอบแทนโอกาสที่ได้รับ ด้วยการกลับมาเป็นคนที่มอบโอกาสให้กับน้องนักเรียนทุนคนอื่นๆ เพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้นเหมือนอย่างที่หนูได้รับ”

นี่คือหนึ่งเรื่องราวของนักเรียนทุนยุวพัฒน์ที่ทำให้เห็นว่า “ทุนการศึกษา” สำหรับเด็กที่ถูกบดบังไว้ด้วยความยากไร้ สามารถมอบชีวิตใหม่ให้พวกเขาได้ ไม่ใช่แค่ทำให้ได้พบเส้นทางของตัวเองและแบ่งเบาภาระทางบ้าน แต่ผลที่จะสะท้อนกลับมาในวันที่เรียนจบและวันที่พวกเขามีอาชีพ คือ การที่เด็กเหล่านี้ได้ไปพัฒนาประเทศชาติ ได้ไปพัฒนาบ้านเกิด และยังกลับมาช่วยผลักดันเด็กๆ อีกหลายชีวิตในรุ่นถัดไปให้มีชีวิตที่ดี มีความฝัน และเชื่อมั่นในความพยายาม

หากคุณก็เชื่อว่าโอกาสทางศึกษาจะช่วยทำให้เด็กคนหนึ่งมีชีวิตที่ดีขึ้น
ทุนการศึกษา 600 บาท/เดือน ก็สามารถช่วยให้พวกเขาทำให้ครอบครัวหลุดพ้นความยากจนได้

มาร่วมเป็น “คุณโอกาส” สนับสนุนให้เด็กๆ เหล่านี้ได้มีโอกาสเรียนหนังสือต่อจนจบชั้น ม.6 หรือ ปวช.3 ได้ที่ช่องทางบริจาค ดังนี้

♥ บริจาคผ่านปันบุญ QR Code (e-Donation)
สแกน QR Code ผ่าน Mobile Banking (ชื่อผู้บริจาคและชื่อผู้ลดหย่อนภาษี จะเป็นชื่อเจ้าของบัญชีที่ชำระเงินด้วย QR Code เท่านั้น) https://bit.ly/2zQUJac

♥ บริจาคผ่านบัญชีธนาคาร
บัญชีมูลนิธิยุวพัฒน์ ธนาคารกสิกรไทย เลขที่บัญชี 095-2-15120-7 (*หากต้องการใบเสร็จ กรุณาส่งชื่อ-นามสกุล ที่อยู่ เบอร์มือถือ และสลิปเงินโอนเงินบริจาคมาที่ ybf@ybf.premier.co.th หรือ Line แอดไอดี @BOS9702T)

♥ บริจาคผ่าน “K+ market” ใน Mobile Banking (KBANK)
เลือกบริจาคออนไลน์ (ค้นหา มูลนิธิยุวพัฒน์) บริจาคได้ตั้งแต่ 100 – 14,000 บาท สามารถใช้แต้มในบัตรบริจาคได้ 1,000 คะแนน = 100 บาท (หมายเหตุ : กดเลือกต้องการใบเสร็จรับเงินเพื่อนำไปยื่นลดหย่อนภาษีได้)

♥ บริจาคผ่าน “พวงหรีดสานบุญ” By Carenation
สั่งซื้อพวงหรีดสานบุญ by Carenation และเลือกบริจาคให้ มูลนิธิยุวพัฒน์ โดยเงิน 10% – 40% จากการซื้อพวงหรีดที่ท่านเลือกจะนำมาสมทบเป็นทุนการศึกษา “ส่งน้องเรียน สร้างเด็กดี” (มีใบเสร็จรับเงินที่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้)

สนใจร่วมเดินทางไปกับมูลนิธิยุวพัฒน์ กับภารกิจ “มอบโอกาส” ผ่านโครงการต่างๆ
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
เบอร์โทร 02 301 1061 | 02 301 1080
E mail : ybf@ybf.premier.co.th
เปิดทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.
(หยุดเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)