หทัยกาญจน์ อิกไวย์โล (จางวางคง) ชื่อเล่น อ้อ

อดีตนักเรียนทุนยุวพัฒน์ (รุ่นแรก) รหัส 35-092  เป็นคนจังหวัดสุโขทัย

แนะนำตัวเองและปัจจุบันทำอะไรอยู่เอ่ย?

สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อ หทัยกาญจน์ อิกไวย์โล (จางวางคง) ชื่อเล่น อ้อ ค่ะ เป็นนักเรียนทุนรุ่นแรก รหัส 35-092  มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสุโขทัย ดิฉันเรียนจบชั้น ป.6 จากโรงเรียนประจำหมู่บ้านหนองจิกตีนเนิน เรียนจบชั้น ม.3 จากโรงเรียนประจำอำเภอบ้านด่านลานหอย และจบชั้น ม.ปลาย ที่โรงเรียนสุโขทัยวิทยาคมค่ะ ดิฉันเลือกเรียนสายวิทย์-คณิต เพราะมีความฝันว่าอยากเป็นพยาบาล แต่ชีวิตก็พลิกผัน ได้เรียนต่อที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จนจบปริญญาตรีค่ะ

ช่วงชีวิตระหว่างการได้รับทุนการศึกษาชีวิตเป็นยังไงบ้าง?

ส่วนหนึ่งที่ทำให้ดิฉันมีโอกาสได้เรียนจนกระทั่งจบระดับปริญญาตรีนั้น ก็เพราะการได้รับทุนของมูลนิธิยุวพัฒน์ค่ะ ดิฉันเกือบจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อชั้นมัธยม เพราะคุณพ่อเห็นว่าดิฉันเป็นลูกผู้หญิง ทางบ้านจึงไม่สนับสนุนให้เรียน ประกอบกับพี่ชายและน้องชายก็กำลังเรียน ซึ่งรายได้หลักของครอบครัว  มาจากการทำนาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตอนนั้นดิฉันกังวลมาก กลัวว่าจะไม่ได้เรียนต่อ แต่ก็มีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น เมื่อทางโรงเรียนได้เสนอชื่อดิฉันให้สมัครรับทุนต่อเนื่อง 6 ปีและดิฉันก็ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 2 คน ของจังหวัดสุโขทัยที่ได้รับทุนยุวพัฒน์ เมื่อพ่อรู้ว่าดิฉันได้ทุนเรียนก็ตัดสินใจให้เรียนต่อ แต่ในระหว่างนั้น ดิฉันจะต้องช่วยทำงานหารายได้เสริมจากการรับจ้าง เก็บพริก เก็บข้าวโพด และเก็บถั่วเขียวในไร่ของญาติๆ เมื่อได้เงินมาแม่ก็จะเก็บไว้ใช้ในยามขัดสนและเผื่อไว้เป็นทุนในการเรียนระดับสูงๆ ต่อไป เมื่อใกล้จะเรียนจบชั้น ม. 6 ดิฉันได้รับคำแนะนำจากอาจารย์แนะแนว ให้สมัครสอบเรียนต่อในโครงการทายาทเกษตรกรที่คณะเกษตรศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งอาจารย์จะช่วยประสานขอทุนของมหาวิทยาลัยให้ เพราะอยากช่วยให้ดิฉันได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับปริญญาตรี และดิฉันก็สอบผ่านค่ะ ได้เรียนต่อโดยได้รับทุนของมหาวิทยาลัยตลอดการเรียน 4 ปี ดิฉันตั้งใจเรียนจนจบได้ปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต (เกษตรศาสตร์) มาให้พ่อแม่ได้สำเร็จ

หลังเรียนจบแล้ว ทำงานด้านไหน ชีวิตเป็นยังไงบ้าง?

หลังจากที่เรียนจบดิฉันก็ได้ทำงาน ซึ่งช่วงแรกไม่ได้ทำงานในสายที่ตัวเองเรียนมาหรอกนะคะ ดิฉันเริ่มทำธุรกิจส่วนตัวกับครอบครัวและมีความตั้งใจจะเรียนต่อปริญญาโท เพราะคิดว่าในอนาคตแค่ปริญญาตรีคงไม่เพียงพอ เพราะสายงานทางการเกษตรจะเน้นเรื่องงานวิจัย ซึ่งต้องใช้นักวิจัย ความรู้ระดับปริญญาโทขึ้นไปและในระหว่างที่ทำงานนั้น ดิฉันสมัครเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะมนุษยศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เพื่อเสริมความรู้ในเรื่องภาษา ซึ่งดิฉันคิดว่าสำคัญหากเราจะต้องเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้น จึงได้ปริญญาตรีมาอีกหนึ่งใบค่ะ ดิฉันเริ่มสอบแข่งขันเพื่อทำงานในหน่วยงานของราชการหลายที่และสอบผ่านเข้ามาทำงานที่สำนักวิจัยพัฒนาการอารักขาพืช กรมวิชาการเกษตร ตำแหน่งนักวิชาการเกษตร และได้รับมอบหมายให้ทำงานในโครงการจัดทำการเกษตรวังทวีวัฒนาและพระตำหนักอื่นๆ ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทำหน้าที่ดูแลป้องกันกำจัดปลวก และหน้าที่ของดิฉันคือเป็นผู้ช่วยคณะทำงานป้องกันกำจัดปลวกในเขตพระราชฐาน ประสานงานการเข้าปฏิบัติงานและทำงานร่วมกับบริษัทกำจัดปลวกเข้าตรวจในเขตพระราชฐาน ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ทั้งหมดค่ะ

ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยถนัดในงานด้านนี้มากนัก แต่ดิฉันก็เชื่อว่าดิฉันทำงานได้ เพียงเรามีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ ขยัน อดทน และมีความอ่อนน้อมถ่อมตน เมื่อไม่เข้าใจอะไรก็จะถามผู้ที่มีประสบการณ์ ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กกว่า ถ้าทำงานผิดพลาดก็จะขอโทษและแก้ไขใหม่ให้ถูกต้องทันที  ไม่ว่างานใด ถ้าเป็นหน้าที่ของเรา งานนั้นสามารถสร้างความภูมิใจให้กับตัวเราเองได้ จากการที่เราได้ตั้งใจทำงานนั้นอย่างดีที่สุด และสิ่งสำคัญอีกข้อที่ดิฉันยึดถือเสมอก็คือความซื่อสัตย์ในหน้าที่ ขณะปฏิบัติงานผู้ใหญ่ที่เราทำงานด้วยจะเห็นความตั้งใจและความซื่อสัตย์ในหน้าที่ของเรา เราจะได้รับความรักและความเมตตากรุณา ซึ่งจะเป็นผลทำให้การทำงานทุกอย่างสำเร็จราบรื่นทุกครั้งค่ะ

อยากบอกอะไรกับรุ่นน้องนักเรียนทุน และทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของเราหน่อยค่ะ

ขอให้กำลังใจน้องๆ ที่กำลังสับสนเพราะจะต้องเลือกเส้นทางการเรียนต่อหรือการเลือกอาชีพในอนาคต พียงแค่เรามีความเชื่อว่าเราสามารถทำทุกสิ่งได้ จะตัดสินใจเลือกอะไรก็ไม่สำคัญ เพียงทำสิ่งนั้นด้วยความรัก ความซื่อสัตย์ และทำให้เต็มที่อย่างดีที่สุด ก็จะมีความสุขและมีความภูมิใจในตัวเองค่ะ  และอีกเรื่องที่อยากฝากไว้คือ ขอให้น้องๆ พัฒนาตัวเอง เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีโอกาสที่จะไปให้ถึงฝันจะได้ลงมือทำทันที