เรื่องราวของจ๋า เริ่มต้นจากครอบครัวที่เผชิญกับความยากลำบาก ตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไป แม่จึงต้องเป็นผู้รับผิดชอบเลี้ยงดูลูกสองคนด้วยตัวคนเดียว สภาพความเป็นอยู่ที่ยากจนทำให้อนาคตดูไม่แน่นอน แต่แทนที่จะยอมแพ้ เธอกลับยังเห็นว่าการศึกษาจะเป็นทางออกเดียวที่จะพาไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
โชคดีที่มีครูในโรงเรียนท่านหนึ่ง ขณะที่จ๋ากำลังเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ครูท่านนี้ไม่เพียงแค่สอบถามถึงแผนการศึกษาต่อ แต่ยังกลายเป็นผู้นำทางที่สำคัญในชีวิต คำแนะนำของครูในวันนั้นกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อจ๋าได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิยุวพัฒน์
“ครูถามว่าจะเรียนต่ออะไร เราเลยบอกว่าอยากเรียนต่อสายอาชีพ อยากเรียนเป็นช่าง ครูเลยให้สมัครขอทุน”
แม้ว่าความฝันเดิมของจ๋าคือการเป็น “วิศวกร” แต่ครูได้ให้คำแนะนำที่ชาญฉลาดว่าหากต้องการเรียนวิศวกรรมมีสองทางเลือก คือ “สายสามัญ”หรือ “สายอาชีพ” สำหรับสายอาชีพนั้น การเลือกเรียนช่างอิเล็กทรอนิกส์จะเปิดโอกาสให้ไปเรียนต่อได้หลายสาขาวิศวกรรม ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมคอมพิวเตอร์ หรือวิศวกรรมเครื่องมือแพทย์
การตัดสินใจเลือกสายอาชีพ สาขาอุตสาหกรรม แผนกวิชาช่างอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคสตูล จึงเป็นการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยจ๋ามองว่าสายอาชีพจะเป็น “สะพานไปสู่อาชีพที่ต้องการในอนาคต” และยังมีโควตาที่หลากหลายในการเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษา รวมถึงการที่เธอชอบคิดและคำนวณตั้งแต่เด็ก
การเข้าสู่โลกของการศึกษาสายอาชีพไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องเผชิญกับความแตกต่างจากระบบการศึกษาแบบเดิมอย่างมาก เธอต้องปรับตัวให้เป็นผู้ใหญ่เร็วขึ้น เรียนรู้ที่จะรับผิดชอบตนเอง รู้จักเลือกคบเพื่อน
“สายอาชีพไม่เหมือนกับสายสามัญ อาจารย์บางท่านอาจจะไม่ค่อยติดตามนักศึกษา ดังนั้นเราจะต้องมีวินัย มีความรับผิดชอบในตนเอง และการเรียน”
ในด้านวิชาการ การเรียนสายอิเล็กทรอนิกส์ต้องเรียนรู้ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ ตั้งแต่ การบัดกรี การต่อวงจรไฟฟ้า การคำนวณวงจรไฟฟ้า ไปจนถึงการทำโปรเจคจบ “มันยากนิดนึง” เธอยอมรับ
หนึ่งในจุดเด่นของการเรียนสายอาชีพคือ การได้ฝึกงานจริง จ๋าได้ไปฝึกงานที่ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ในจังหวัดสตูล และยังได้ลงพื้นที่ไปซ่อมคอมพิวเตอร์ เครื่องปริ้นเอกสารที่โรงเรียน รวมทั้งยังได้ลงโปรแกรมให้กับนักเรียน
“เหมือนเราได้ไปใช้ชีวิตในการทำงานก่อน ประสบการณ์ทำให้เรามีความเข้าใจในโลกการทำงานและสามารถปรับตัวเข้ากับสังคมการทำงานได้ดีกว่า”
หลังจบการศึกษาระดับ ปวช. เธอสามารถเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ตามเป้าหมาย ความรู้พื้นฐานด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียนมาทำให้มีต้นทุนในการเรียนวิชาปฏิบัติ ในขณะที่เพื่อนที่มาจากสายสามัญจะได้เปรียบในด้านทฤษฎีและการคำนวณ
“เรามีต้นทุนมาอยู่แล้ว เคยได้ลองทำ ลองปฏิบัติ รู้สึกว่าพอเข้าไปเรียนจริงๆ เราเข้าใจมากขึ้น” นี่คือจุดแข็งที่ได้จากการเรียนสายอาชีพ
ปัจจุบันจ๋าทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทเอกชนมา 2 ปีกว่าแล้ว สถานที่ทำงานปัจจุบันเป็นที่ทำงานแห่งที่ 3 นับตั้งแต่จบการศึกษา แสดงให้เห็นถึงความสามารถและความต้องการในตลาดแรงงาน
“พอมาทำงานตอนนี้มองว่าแตกต่างกับตอนที่เรียนมากๆ การทำงานจริงคือการนำความรู้มาใช้จริง และก็ต้องนำไปต่อยอด ประยุกต์ใช้ จนสามารถสร้างรายได้เลี้ยงดูตนเองและช่วยเหลือครอบครัวได้”
เหตุผลที่เลือกทำงานด้านโปรแกรมเมอร์เพราะสอดคล้องกับทักษะที่สั่งสมมาตั้งแต่เรียนด้านอิเล็กทรอนิกส์และวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
ด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อโอกาสทางการศึกษาที่ได้รับ ตอนนี้จ๋าได้กลายเป็น “อาสาสมัคร” ของมูลนิธิยุวพัฒน์ ช่วยตอบจดหมายให้กำลังใจแก่รุ่นน้องนักเรียนทุนปัจจุบัน ให้คำปรึกษาด้านการเรียน และแนะแนวการศึกษา
“เราเคยได้รับทุน เคยได้รับโอกาสจากมูลนิธิยุวพัฒน์แล้วก็อยากตอบแทนในสิ่งที่สามารถทำได้ อย่างเช่นการเป็นอาสาสมัครช่วยตอบจดหมาย เพราะถือว่าเป็นการส่งต่อโอกาสและให้กำลังใจรุ่นน้องได้มีวิธีคิดนำไปปรับใช้ในการตัดสินใจเลือกเส้นทางการเรียน”
เธอเล่าว่า เมื่อมีน้องๆ เขียนจดหมายมาปรึกษาเรื่องการเรียนสายอาชีพ จ๋ามักจะถามก่อนเสมอว่า
“น้องอยากเรียนสายนี้จริงหรือเปล่า หรือถามว่าอยากที่จะไปต่อในสายไหน เพราะการมีเป้าหมายที่ชัดเจนคือสิ่งสำคัญที่สุด”
สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจระหว่างการเรียนสายอาชีพหรือสายสามัญ เธอมีคำแนะนำว่า “ให้ตั้งใจเลือกเป้าหมาย” ของตัวเองให้ดี แล้วก็ทำออกมาให้ดีที่สุด พร้อมกับเตือนว่า ถึงแม้ในระหว่างทางจะสามารถเปลี่ยนเส้นทางได้ แต่ก็จะใช้เวลาเริ่มต้นได้ช้า ดังนั้นการมีเป้าหมายที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นจึงสำคัญมาก
เรื่องราวของจ๋าสะท้อนว่าการเรียนสายอาชีพไม่ใช่ทางเลือกรอง แต่เป็นเส้นทางที่เปิดโอกาสได้หลากหลาย ให้ทั้งทักษะปฏิบัติและโอกาสในการศึกษาต่อ สำคัญที่สุดคือต้องมีความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่ชัดเจน