ผมจะเป็นแชมป์โลก
แชมป์โอลิมปิก
และแชมป์รางวัลเก่าแก่
ที่สุดของโลก
อย่างออลอิงแลนด์

ย้อนกลับไปเมื่อเกือบสิบปีที่แล้ว ยังจำความรู้สึกประทับใจในคำสัมภาษณ์และสีหน้าแววตามุ่งมั่นของเด็กน้อยคนหนึ่งที่สมัยนั้นยังเป็นนักแบดมินตันระดับยุวชนอยู่เลย แต่ด้วยผลงานและความมุ่งมั่นตั้งใจในการฝึกซ้อม อุปนิสัยทั้งในและนอกสนาม ทำให้เซียนแบดมินตันหลายคนจับตามอง ชื่นชม และลงความเห็นกันว่านี่คือความหวังของวงการแบดมินตันไทย

จากจุดเริ่มต้นบนเส้นทางนักกีฬาแบดมินตัน จนถึงวันนี้ “พรสวรรค์ทำให้คุณน่าสนใจ แต่วินัยจะทำให้คุณสำเร็จ” น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ดีสำหรับ “วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์”  แชมป์โลกแบดมินตันชายเดี่ยว ของรายการแข่งขัน World Championship 2023 ที่อยากพาทุกคนไปทำความรู้จัก และถอดบทเรียนเส้นทางความฝัน สู่วันที่เขาทำได้ด้วยกัน

กีฬาเป็นยาวิเศษ คือจุดเริ่มเติมฝัน

วิว เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 มีน้องสาว 1 คน คือ ส้ม สรัลรักษ์ วิทิตศานต์ เป็นนักกีฬาแบดมินตันเช่นกัน วิวเริ่มต้นเส้นทางแบดมินตันในวัย 7 ขวบ ด้วยการชวนจากคุณพ่อที่เป็นผู้ฝึกสอนแบดมินตันอยู่แล้ว และเหตุผลสำคัญของการพาตัวเองมาสู่ถนนสายนี้ คือ “ภูมิแพ้” วิวเล่าว่าตัวเองเป็นภูมิแพ้อากาศหนักมาก ในแต่ละปีต้องไปหาหมอบ่อย ครอบครัวต้องเสียเงินไปกับการรักษาจำนวนมาก ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการดูแลสุขภาพเด็ก 7 ขวบให้ดีขึ้นและช่วยพ่อแม่ประหยัดค่าใช่จ่ายในตอนนั้น คือการพาตัวเองไปเสียเหงื่อให้กับการเล่นแบดให้ได้มากที่สุด ถือเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก แต่ได้ผลลัพธ์แบบคุ้มค่า  และความคุ้มค่าที่ว่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้กลับมา มากกว่าที่คิดไว้ เพราะไม่กี่ปีให้หลัง แบดมินตันทำให้อาการภูมิแพ้ของเขาดีขึ้นเยอะมาก และมันทำให้เขาได้โอกาสก้าวสู่เส้นทางนักกีฬาแบดมินตันอย่างเต็มตัว พร้อมความฝันจะเป็นมือระดับท๊อปของโลกให้ได้

“อาการไม่ได้หายสนิทครับ คนเป็นภูมิแพ้จะไม่หายขาด แต่พอเทียบกับเมื่อก่อนถือว่าผมดีขึ้นเยอะมากแล้ว ตอนนี้จะมีอาการแค่เวลาที่อยู่ในอากาศเย็นมากๆ อย่างในแถบยุโรปเท่านั้นครับ”

เส้นทางนักแบดมินตันอาชีพ… จากตั้งใจกลายเป็นมุ่งมั่น

จากการเริ่มต้นตีแบดมินตันระยะแรกๆ นั้น วิวไม่ได้คาดหวังอะไรมาก แค่หวังว่าอาการภูมิแพ้ดีขึ้น แต่ต่อมาจึงเริ่มฝึกซ้อมอย่างจริงจัง เพราะหลังจากที่ได้มาสัมผัสเส้นทางนักกีฬาทำให้พบว่าแบดมินตันผลักดันให้เขาเป็นคนที่เก่งขึ้นและอยากทำสิ่งที่ดีกว่าเดิมเสมอ เขาเริ่มลงแข่งขันระดับยุวชนและเยาวชน ในสังกัดชมรมแบดมินตันเสนานิคม ภายใต้การดูแลของ ไตรรงค์ ลิ่มสกุล และโค้ชเป้ง เมตไตรย์ อมาตยกุล

ในปี พ.ศ. 2552 วิวได้ลงแข่งขันในรุ่นอายุต่ำกว่า 9 ปี และตลอดช่วง 3-4 ปีถัดมา ได้รับรางวัลชนะเลิศอย่างสม่ำเสมอ นับว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬารุ่นเยาวชนที่มีความโดดเด่นมาก  ต่อมาในปีพ.ศ. 2557 ได้ย้ายเข้าสังกัดโรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด และได้รับโอกาสลงแข่งขันในระดับชาติและระดับนานาชาติ โดยเขาลงแข่งขันรายการแบดมินตันเยาวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยเป็นครั้งแรก และได้รับรางวัลชนะเลิศ หลังจากนั้นวิวได้รับรางวัลชนะเลิศในรายการเดียวกันในทุกปีการแข่งขัน ตั้งแต่รุ่น 14 ปี จนถึงรุ่นใหญ่ที่สุด อายุต่ำกว่า 19 ปี ในปี พ.ศ. 2560

สำหรับระดับนานาชาติ วิวเข้าร่วมการแข่งขันรายการแบดมินตันเยาวชนชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุต่ำกว่า 15 ปี เป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2557 และได้รับรางวัลชนะเลิศ เช่นเดียวกับปี พ.ศ. 2559 และ 2560 ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในรุ่นอายุต่ำกว่า 17 ปี วิวยังตอบแทนโอกาสดีๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่าย ด้วยการคว้าแชมป์แบดมินตันเยาวชนโลก 3 สมัยซ้อน (2560-2562) และเมื่อเป็นนักกีฬาทีมชาติรุ่นใหญ่แล้ว ก็ยังมีผลงานดีๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง  จนได้รับรางวัลรองแชมป์ โยเน็กซ์ สวิส โอเพ่น 2021 รองแชมป์บีดับเบิลยูเอฟ เวิลด์ทัวร์ไฟนอลส์ 2021 และการเป็นนักกีฬาชายเดี่ยวไทยคนแรกที่ได้เข้าชิงชัยรายการนี้ ทำให้วิวสามารถคว้ารางวัลนักกีฬาดาวรุ่งยอดเยี่ยมของปี 2020/2021 จากสหพันธ์แบดมินตันโลก  และเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 สิงหาคม 2566 วิวสามารถสร้างประวัติศาสตร์วงการแบดมินตันไทย โดยการคว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว ในศึกแบดมินตันชิงแชมป์โลก 2023 ที่กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์กได้สำเร็จ เป็นการคว้าความสำเร็จ 1 ใน 3 เป้าหมายของเขา

ผมดีใจมากกับทุกรางวัลที่ได้รับ เพราะทุกรายการที่ไปแข่งมันมีความกดดันอยู่แล้ว แต่เราก็สามารถก้าวผ่านมันไปได้และประสบความสำเร็จ แต่ถึงจะได้รางวัลยังไงก็ตาม ผมก็ยังต้องโฟกัสกับการซ้อมต่อไป เพื่อพัฒนาตัวเองและไปให้ถึงเป้าหมาย

กุญแจไขความสำเร็จ
ที่คุณต้องใช้บางสิ่งแลกมา

แบดมินตันได้สร้างความภาคภูมิใจ สร้างอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัว แต่กว่าจะถึงวันนี้ วิวก็ต้องแลกด้วยชีวิตวัยรุ่น ความเป็นส่วนตัว การทุ่มเทฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่เพราะเขาเป็นคนมีวินัย เอาจริงเอาจัง และมีเป้าหมายชัดเจนมาก จึงเป็นที่มาของความสำเร็จ

“จริง ๆ แล้ว ครอบครัวของผมไม่ได้มีฐานะมาก แบดมินตันทำให้ผมเห็นศักยภาพตัวเองว่าสามารถช่วยเหลือครอบครัวได้ ก็เลยอยากเล่นแบดจริงจังและตั้งใจฝึกซ้อมตั้งแต่เด็ก ซึ่งผมไม่เคยซีเรียสที่จะไม่ได้ไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่นนะ สำหรับตอนนี้ถือว่าทำได้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ พอผมเริ่มเข้าโรงเรียนบ้านทองหยอด ได้ไปแข่งขันจริงจัง ก็เริ่มตั้งเป้าหมายว่าอย่างน้อยต้องมีรางวัลติดไม้ติดมือบ้าง จะได้เป็นกำลังใจในการเล่นแบดต่อไป และพอโตขึ้นเป้าหมายสูงสุดของผมก็ใหญ่ขึ้นคือการเป็นแชมป์โลก แชมป์โอลิมปิก แล้วก็แชมป์ออล อิงค์แลนด์ครับ”

ประสบการณ์การเป็นนักกีฬามาตั้งแต่รุ่นเยาวชนจนมาถึงนักกีฬาอาชีพ คิดว่านอกจากฝีมือแล้ว วิวยังได้เรียนรู้อะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งเป็นบทเรียนล้ำค่า ไม่ใช่แค่เขา แต่ยังฝากถึงผู้อ่านทุกคน เพื่อหยิบจับมาปรับใช้กับชีวิตตัวเองได้ดีขึ้น

“คงเป็นเรื่องการควบคุมอารมณ์ตัวเองในสนาม ช่วงเด็กๆ เวลาแข่งถ้าทำได้ไม่ดีก็จะเป็นปกติที่มีหงุดหงิดบ้าง ซึ่งจะทำให้ผิดพลาดง่าย แต่พอเล่นรุ่นใหญ่ จะมีการควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น เวลาที่เสียเปรียบหรือว่าเสียกำลังใจในการแข่ง ก็จะสามารถดึงตัวเองให้กลับมาอยู่ที่มาตรฐานในการเล่นของตัวเองได้ อีกช่วงที่สำคัญคือเวลาเหนื่อย ท้อ จะพยายามนึกถึงครอบครัวและอนาคตของเรา เราอยากทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะเตือนตัวเองตลอดว่าอย่าวอกแวก พยายามทำให้ดีที่สุด อย่าให้ต้องเสียใจทีหลัง”

บทสรุปจากเรื่องราวความสำเร็จของวิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ คือ ความมีวินัย ตั้งใจ ขยัน และอดทน เขาตั้งใจฝึกซ้อมสัปดาห์ละ 6 วันตลอดหลายปี เพราะการฝึกซ้อมช่วยให้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในหลายๆ ด้าน ทั้งพละกำลัง สุขภาพร่างกาย รวมถึงความคิดที่จำเป็นกับการแข่งขัน ทำให้รู้ว่าสิ่งไหนที่ควรทำหรือไม่ควรทำ และสุดท้ายก็ประสบความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย เชื่อว่าการคว้าอีก 2 เป้าหมาย ทั้งแชมป์โอลิมปิกและออลอิงแลนด์คงอีกไม่นานเกินรอ

ที่มา :
https://shorturl.asia/oRrdT
https://shorturl.asia/xKm5g
https://shorturl.asia/76TbA
https://shorturl.asia/eWX2q
https://shorturl.asia/Ya7s6
https://shorturl.asia/vR5Aw

ผู้เขียน : สุรพงษ์ เกียรติพงสา
#อาสาเขียนบทความ