เคยตกอยู่ในสถานการณ์ “คุยกันไม่รู้เรื่อง” ไหม?

อาจเป็นเพราะความแตกต่างของภาษาที่เรามักแซวกันว่า “คุยกันจนเมื่อยมือ” หรืออาจเป็นเพราะความแตกต่างระหว่างวัย ทำไมเราพูดอะไรไปผู้ใหญ่เข้าใจไปอีกอย่างซะงั้น พูดภาษาเดียวกันแต่ทำไมเหมือนคุยกันคนละภาษา และเคยไหม? ที่รู้สึกว่ามีความไม่เข้าใจเกิดขึ้นระหว่างเรากับใครอีกคน และใครคนนั้นมักจะเป็นคนที่เรารัก และมีอิทธิพลต่อความรู้สึก บทความนี้มีคำแนะนำดีๆ ในการบอกรักที่ทุกคนนำไปปรับใช้ได้เลย…

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ภาษามีอะไรที่มากกว่าคำพูดหรือภาษาพูด และยังมีอีกหนึ่งภาษานั้นก็คือ “ภาษาเขียน” นอกจากนี้ ยังมีภาษาที่เราใช้กันบ่อยๆ เรียกได้ว่ามากถึงมากที่สุดแต่อาจไม่ค่อยรู้ตัว นั่นคือ ภาษากาย (body language) เช่น ขมวดคิ้ว กัดเล็บ ทำปากจู๋ มองบน ฯลฯ

ดร.แกรี่ แชปแมน (Gary Demonte Chapman) นักเขียน พิธีกรรายการทอล์คโชว์ทางวิทยุชาวอเมริกัน และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านความรักที่มีประสบการณ์ยาวนาน เขาเขียนหนังสือที่ได้การรับยอมรับและสร้างยอดขายสุดปัง “The Five Love Languages: How to Express Heartfelt Commitment to Your Mate” หรือเวอร์ชันแปลเป็นไทยในชื่อ “ภาษารัก : เคล็ดลับสู่ความรักที่ยืนยาว” สรุปใจความสำคัญได้ว่า มี 5 วิธี ในการแสดงความรู้สึกรัก ซึ่งแต่ละคนก็มีวิธีการแสดงออกที่แตกต่างกันไป ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันเพราะคิดว่าอีกฝ่ายไม่รัก ถึงแม้ว่าหนังสือจะเน้นเรื่องความสัมพันธ์แบบชีวิตคู่ แต่จริงๆ แล้ว ทุกคนก็สามารถนำมาปรับใช้ได้กับความรักทุกรูปแบบได้

5 ภาษารัก มีอะไรบ้าง

1. บอกรักด้วยคำพูด (Words of Affirmation)

พูดออกไปเลย รักก็บอกว่ารัก ตรงไปตรงมาสุด ๆ  คนกลุ่มนี้ชอบการสื่อสารความรักผ่านคำพูด ทั้งการบอกรักตรง ๆ เช่น รักนะจ๊ะ เลิฟยูนะ จุ๊บุ จุ๊บุ การบอกขอบคุณ การพูดให้กำลังใจเพิ่มพลังบวก “ฉันเชื่อว่าเธอทำได้” และการพูดชื่นชม เช่น เก่งมาก ทำได้ดีแล้ว ภูมิใจในตัวคุณมากเลยนะ แต่… กับคนใกล้ชิด คนที่รัก คนที่แคร์ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว เพื่อน คนรัก มักจะไม่แสดงความรักผ่านคำพูดและจะไม่พูด แม้ว่าคนเหล่านั้นจะอยากได้ยินและรอฟังคำว่ารักจากเขาก็ตาม หากคนรักหรือคนใกล้ชิดมีภาษารักแบบนี้ การบอกรักเขาก่อนแบบตรง ๆ หรือส่งข้อความ ส่งคำพูดดี ๆ หรือเขียนการ์ดบอกรัก จะเป็นวิธีแสดงความรักต่อคนประเภทนี้ได้ดีที่สุด

ที่สำคัญคนประเภทนี้ให้ความสำคัญกับคำพูด จึงค่อนข้างอ่อนไหวและไวต่อคำพูดแรง ๆ ถ้าไม่อยากสร้างบาดแผลทางใจต่อกัน ต้องคิดก่อนพูดทุกครั้ง

2. บอกรักด้วยการใช้เวลาร่วมกัน (Quality Time)

แค่ได้อยู่ด้วยกันก็มีความสุขแล้ว คนประเภทนี้จะให้ความสำคัญกับการได้ใช้เวลาร่วมกัน จะไปไหน ทำกิจกรรมอะไร ไม่ใช่ประเด็นหลัก แค่เป็นเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว เพราะนั่นคือช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้พูดคุย บอกเล่าความรู้สึก รับใจฟังกันจริง ๆ เพราะได้แบ่งปันถ่ายเทความรู้สึกทั้งทุกข์และสุขร่วมกัน ไม่ใช่การมาเจอกัน นั่งอยู่ด้วยกัน กินข้าวร่วมโต๊ะ แต่ต่างคนต่างสนใจแต่จอมือถือของตัวเอง

ถ้าคนที่เรารักมีภาษารักแบบนี้ล่ะก็ ใช้เวลาคุณภาพกับเขา ชวนกันไปทำสิ่งที่ชอบอยู่แล้ว เช่น เล่นกีฬา ท่องเที่ยว เข้าร้านหนังสือ หรืออาจเป็นกิจกรรมแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ดูนิทรรศการ ช่วยกันทำอาหารหรือขนมที่ไม่เคยทำ พูดคุยกันอย่างใส่ใจ ถือว่าเป็นการใช้เวลาร่วมกันอย่างมีคุณภาพค่ะ

3. บอกรักด้วยของขวัญ (Gifts)

ไม่จำเป็นต้องหรูหราราคาแพง เพราะความประทับใจอยู่ที่คุณค่าไม่ใช่ราคา คนประเภทนี้จะมีความเชื่อว่า ของขวัญเป็นสัญลักษณ์แห่งความรัก ความรู้สึก และโมเมนต์ดี ๆ ที่มีร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยตลอดเวลา แต่ถ้าไปไหนซื้อของติดไม้ติดมือมาฝากก็จะรู้สึกดีแล้ว เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า “คิดถึงเขา” นั่นเอง เพราะฉะนั้น… ห้ามลืมวันสำคัญต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวันเกิด เทศกาลสำคัญ หรือวันพิเศษ และที่สำคัญมากไปกว่านั้นคือ อย่าทำให้คนประเภทนี้รู้สึกว่าของขวัญที่ให้นั้น เพราะเป็นหน้าที่หรือเป็นอะไรที่ต้องทำแบบไม่เต็มใจ สิ่งที่ประเภทนี้ต้องการคือ “ความจริงใจ” เท่านั้นเอง

4. บอกรักด้วยการทำอะไรบางอย่างให้ (Acts of Service)

การกระทำสำคัญกว่าคำพูด คนประเภทนี้จะเชื่อแบบนี้ เขาจะสื่อสารว่า “รัก” ด้วยการกระทำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เขาจะอยู่เคียงข้างและคอยช่วยเหลืออยู่ตลอด เรียกได้ว่าเดือดร้อนเมื่อไหร่หันไปก็เจอ เช่น ช่วยทำงาน ขับรถรับส่ง หาอะไรให้กินเมื่อบ่นว่าหิว ให้คำแนะนำหรือช่วยเหลือเวลาที่เจอปัญหา ถ้าคนที่เรารักจัดอยู่ในคนประเภทนี้ เราต้องคอยให้ความช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ เขาเสมอ แต่ถ้ามากเกินไปก็จะมีเส้นบางๆ ระหว่างการซัปพอร์ตกับจุ้นจ้านวุ่นวาย ต้องหาจุดสมดุลให้พอดี

5. บอกรักด้วยสัมผัส (Physical Touch)

กอดให้เป็นนิสัยกันเถอะ คนประเภทนี้จะรู้สึกว่าการสัมผัส เช่น จับมือ จูงมือ โอบกอด เป็นการถ่ายเทความรู้สึกและสื่อสารความรักที่คนประเภทนี้รู้สึกดี การนิ่งเฉยหรือเย็นชาคือความเจ็บปวด

นี่คือ 5 ภาษาการแสดงความรัก แล้วคุณล่ะเป็นภาษารักแบบข้อไหน? หรือมีหลายข้อรวมกัน ภาษารักแบบไหนที่ใช่สำหรับเรามากที่สุด หรือมีภาษาที่ 6, 7, 8 เป็นภาษารักเฉพาะของเราเองไหม?

สมมติว่า : ถ้าเราเป็นภาษารักแบบข้อ 1. บอกรักด้วยคำพูด และคนใกล้ชิดเป็นภาษารักแบบข้อ 4. บอกรักด้วยการกระทำ “ทำไมพ่อไม่เคยบอกว่ารักเราเลย ทำดีแค่ไหนแม่ไม่เคยชมสักคำ แต่… แม่มีอาหารอร่อย ๆ ให้เราทุกครั้งที่หิว ชอบอะไร ไม่กินอะไร แม่รู้ใจหมด โดยที่เราไม่ได้พูดหรือบอก เพราะว่านี่แหละ “ภาษารัก” ของแม่

…การเข้าใจและเห็นความรักในรูปแบบต่าง ๆ จะช่วยปิดช่องว่างของความไม่เข้าใจและได้เห็น “ภาษารัก” ที่อยู่รายล้อมรอบตัวเรา  เช่น ความรักของแม่มาในรูปแบบของข้าวไข่เจียวหรือแกงจืดที่ตื่นแต่เช้ามาทำให้เราได้กิน ความรักของพ่ออาจเป็นรูปแบบของการว่ากล่าวตักเตือน ไม่มีเลยคำพูดที่อ่อนโยน ความรักของเพื่อนที่ให้เวลากับเรา ไปไหนก็ไปด้วยกัน รับฟังเราเสมอเมื่อไม่สบายใจ หรือความรักจากคนรักที่พร้อมสนับสนุนให้เราเดินไปข้างหน้าในเวอร์ชันที่ดีขึ้น…

เราทุกคนมีเมล็ดพันธุ์แห่งความรักอยู่ในตัวเองเสมอ เมื่อเรารักตัวเองก็เหมือนกับการรดน้ำให้เมล็ดพันธุ์นี้เติบโตงอกงามเป็นต้นไม้ที่เผื่อแผ่ความรักให้คนรอบตัว พ่อแม่ ครอบครัว เพื่อน ครู เจ้านาย ลูกน้อง ป้าร้านข้าวแกง พี่ร้านชานมไข่มุก ฯลฯ  และเมื่อเรารู้สึกรัก เราจะรู้จักการให้อภัย และสิ่งนี้เองจะเป็นเหมือนรากอันแข็งแรงที่ทำให้ต้นไม้แห่งความรักต้นนี้เป็นไม้ใหญ่ที่ร่มเย็นและงดงาม

ขอให้ทุกคนสร้างภาษารักให้ตัวเอง แล้วสร้างภาษารักไปให้คนรอบตัวทุกๆ วันด้วยนะ…

ข้อมูล :
https://shorturl.asia/nZMv5
https://shorturl.asia/GLpu8
https://shorturl.asia/lrCZF 
https://story.motherhood.co.th/5-%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%a9%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%81/
https://www.mindspringconsulting.com/2021/01/19/5-love-languages/

ผู้เขียน : แสงอรุณ ลิ้มวงศ์ถาวร
#อาสาเขียนบทความ