เมื่อทุนการศึกษาไม่ได้เปลี่ยนแค่ชีวิตเด็ก แต่เปลี่ยนทั้งครอบครัว

อะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเลี้ยงลูก เชื่อว่าคำตอบที่อยู่ในใจของผู้เป็นพ่อแม่หลายคนคงไม่พ้นคำว่า “โอกาส” เพราะโอกาสที่ลูกได้รับ ไม่ใช่แค่การได้เรียนหนังสือ หรือการได้ทำในสิ่งที่รักเท่านั้น แต่คือโอกาสที่จะได้ก้าวพ้นจากข้อจำกัดต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามาในชีวิตของพวกเขา

บางครอบครัวอาจต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้ง บางครอบครัวต้องต่อสู้กับการเลี้ยงดูบุตรเพียงลำพัง หลายครั้งที่ความกังวลเรื่องเงินทำให้โอกาสของลูกต้องสะดุดหยุดลงกลางคัน แต่ในมุมกลับกัน เมื่อมีใครสักคนยื่นโอกาสเข้ามาให้… โอกาสนั้นไม่ได้ช่วยแค่เด็กเพียงคนเดียว แต่ยังช่วยแบ่งเบาภาระและเติมเต็มกำลังใจให้ครอบครัวเดินหน้าต่อไปได้

นี่คือเรื่องราวจากบทสัมภาษณ์ผู้ปกครองของนักเรียนทุนยุวพัฒน์ ที่ได้สัมผัสกับคำว่า “โอกาส” จากการที่ลูกได้รับ ทุนการศึกษา ซึ่งเป็นเหมือนสะพานที่เชื่อมต่อความฝันของเด็กคนหนึ่งให้กลายเป็นความจริง และยังเป็นแรงผลักดันให้ทั้งครอบครัวมีกำลังใจที่จะก้าวไปข้างหน้าได้

โอกาสที่เติมเต็มความภูมิใจและกำลังใจ

คุณจริยา คุณแม่จากจังหวัดราชบุรี เล่าถึงความรู้สึกเมื่อลูกได้รับทุนการศึกษาว่า “ตอนแรกที่รู้ว่าน้องได้รับทุน แม่คิดว่าเป็นทุนการศึกษาของโรงเรียนที่ให้นักเรียนตามปกติ จนวันที่ได้ไปร่วมประชุมเรื่องทุนยุวพัฒน์ที่โรงเรียน จึงได้ทราบว่าเป็นทุนอะไร ทุนแบบไหน แม่ดีใจและภูมิใจแทนลูกเลยค่ะ เพราะน้องเป็นคนที่มีความตั้งใจในการเรียนมากๆ น้องจะได้มีกำลังใจในการเรียนและวางแผนอนาคตของตัวเองต่อไป”

ความดีใจที่คุณจริยารู้สึก ไม่ใช่แค่ความดีใจที่ภาระทางการเงินลดลง แต่คือความภูมิใจที่เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของลูก และเมื่อความตั้งใจนั้นได้รับโอกาสและการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดี ก็ยิ่งเป็นแรงผลักดันให้น้องอยากจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก

คุณรฐา คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจากจังหวัดสระแก้ว ก็ได้สะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของโอกาสนี้อย่างชัดเจน “แม่มีเงินเดือน 10,000 บาท เพื่อเลี้ยงดูลูก 2 คน แต่ด้วยความโชคดีที่พี่ชายของแม่ให้มาอาศัยอยู่ด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ แม่ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ภาระของแม่ก็ยังหนักมาก เพราะลูกเรียนหนังสือทั้ง 2 คน เนื่งอจากมีค่าใช้จ่ายในการไปโรงเรียนทุกวัน ทั้งค่าใช้จ่ายส่วนตัว ก่อนหน้านี้แม่จะขอเบิกเงินล่วงหน้าจากที่ทำงาน หมุนเงินแบบนี้ทุกๆ เดือน… เพื่อให้พวกเขาไปใช้จ่ายที่โรงเรียน ทั้งค่าอาหาร ค่ากิจกรรมต่างๆ จนลูกสาวคนโตขอกู้เงินเรียนจาก กยศ. ตอนเข้ามหาวิทยาลัยและน้องคนเล็กก็ได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิยุวพัฒน์ ถือว่าช่วยเบาภาระของแม่ไปได้บ้าง จากที่แม่ต้องขอเบิกเงินล่วงหน้าเยอะๆ ก็ลดลงไป ทำให้สิ้นเดือนพอจะมีเงินเหลือบ้างถึงจะไม่เยอะ แต่ก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากๆ ค่ะ”

เงินทุนการศึกษาที่เด็กๆ ได้รับอาจไม่ใช่จำนวนเงินที่เยอะ แต่สำหรับคุณรฐาและครอบครัว นี่คือเงินที่ช่วยให้ชีวิตหมุนต่อไปได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องหนี้สินรายวัน นี่คือสิ่งยืนยันได้ว่า โอกาสที่ให้กับเด็กคนหนึ่ง ไม่ได้ส่งผลแค่ตัวเด็กเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อคุณภาพชีวิตของคนในครอบครัวทั้งหมด

โอกาสที่สร้างความหวังและอนาคตที่ชัดเจน

คุณจรรณพร คุณแม่จากจังหวัดนครสวรรค์พูดกับลูกเสมอว่า “ให้ดูแม่เป็นตัวอย่างนะ แล้วเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองไปอยู่ในสังคมที่ดี มีงานที่ดี และเป็นคนดีไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ใช้ชีวิตให้มีความสุขแค่นั้นพอค่ะ” คุณแม่ยังบอกอีกว่า “แม่อยากให้เขาเติบโตมาในแบบที่เค้าอยากเป็น ในแบบที่เค้าชอบ ในแบบที่เค้าถนัดค่ะ อยากเห็นน้องมีความสุข”

สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนต้องการเห็นคือ อนาคตที่ดีของลูก ซึ่งอนาคตที่ดีในที่นี้ไม่ได้หมายถึงการมีชื่อเสียงเงินทองมากมาย แต่คือการได้เป็นคนที่มีความสุข สามารถพึ่งพาตัวเองได้ และมีอาชีพที่มั่นคง

คุณเพ็ชรประเสริฐ คุณแม่จากจังหวัดเชียงราย เล่าถึงลูกชายที่เรียนสายอาชีพ “แม้ว่าน้องจะไม่ได้เก่งเกี่ยวกับวิชาการแต่ก็อยู่ระดับกลางๆ พอใช้ได้ และเขาฝึกฝนพัฒนาตัวเองเกี่ยวกับด้านสายอาชีพ ตอนนี้เรียนด้านช่างยนต์ควบไปกับการเรียนสายสามัญ… ทุนการศึกษาที่ท่านผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ได้เอามาใช้ด้านการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด”

การได้เรียนในสายที่ถนัดและได้รับโอกาสสนับสนุนด้านการเงิน ทำให้เด็กมีทิศทางในชีวิตที่ชัดเจนขึ้น พวกเขามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองในสิ่งที่ชอบ เพราะรู้ว่ายังมีผู้ใหญ่ใจดีเป็นกำลังใจอยู่ข้างหลัง และความตั้งใจนี้เองที่จะกลายเป็นรากฐานที่มั่นคงสำหรับอาชีพในอนาคต

โอกาสที่ส่งต่อความดีสู่สังคม

สิ่งที่เราเห็นได้จากทุกๆ เรื่องราวคือ ความรู้สึกขอบคุณจากหัวใจ ของพ่อแม่ทุกคนที่ได้รับโอกาสนี้ ไม่ว่าจะเป็นคุณนิตยา คุณแม่จากเชียงใหม่, คุณอนุชิดา จากศรีสะเกษ, คุณกุลธิดา จากนครปฐม, คุณเพ็ชรประเสริฐ จากเชียงราย, หรือคุณอ้อ จากระนอง ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ขอบคุณ” และ “รู้สึกดีใจมากๆ”

แต่ความรู้สึกขอบคุณนี้ไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น คุณเพ็ชรประเสริฐยังได้กล่าวถึงความหวังที่จะ ส่งต่อโอกาส นี้ให้กับคนอื่นๆ ด้วย “หวังไว้อย่างยิ่งว่าในวันข้างหน้าถ้ามีโอกาสก็อยากจะแบ่งปันเหมือนกับที่ครอบครัวเราได้รับโอกาสจากท่านผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ค่ะ”

นั่นหมายถึงว่า การให้โอกาสในวันนี้ ไม่ใช่แค่การช่วยเหลือให้เด็กคนหนึ่งได้เรียนจนจบ แต่ยังเป็นการปลูกฝังความรู้สึกดีๆ และสร้างสำนึกในการให้ที่งอกงามในตัวเด็กและครอบครัว เมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แข็งแกร่งในวันข้างหน้า พวกเขาก็พร้อมที่จะเป็นผู้ให้และส่งต่อโอกาสเหล่านี้ให้กับคนอื่นๆ ในสังคมต่อไป

โอกาสที่งอกงาม จากน้ำใจที่หยดลงไป

เรื่องราวเหล่านี้ทำให้เห็นว่า “โอกาส” ที่ผู้ใหญ่ใจดีมอบให้ ไม่ได้เป็นเพียงเงินทุนที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย แต่คือการสร้างกำลังใจและความหวังให้กับเด็กคนหนึ่ง ครอบครัวหนึ่ง และเป็นจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน

ในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งเป็นเดือนแห่งวันแม่ของประเทศไทย เราได้เห็นบทบาทของผู้เป็นแม่ที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อลูกอย่างไม่ย่อท้อ การให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กๆ เหล่านี้ จึงเป็นเสมือนการช่วยแบ่งเบาภาระและสร้างรอยยิ้มให้กับผู้เป็นแม่ในหลายๆ ครอบครัว

หากคุณเป็นผู้ใหญ่ใจดีท่านหนึ่งที่กำลังมองหาโอกาสที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงนี้ การมอบทุนการศึกษาให้กับเด็กที่ขาดโอกาส คือการมอบโอกาสที่ยิ่งใหญ่ที่จะช่วยให้เด็กคนหนึ่งเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ และยังเป็นการสร้างรอยยิ้มให้กับครอบครัวของพวกเขา เพื่อให้เด็กๆ เติบโตไปเป็นพลังที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคมของเราให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน

เพราะการให้โอกาสแก่เด็กคนหนึ่ง…คือการสร้างโอกาสให้กับครอบครัวหนึ่ง และคือการสร้างการเปลี่ยนแปลงอนาคตที่ดีให้กับสังคมของเรา